“ความรู้ทางมนุษยศาสตร์และประวัติศาสตร์อย่างที่ผมปรารถนาและปฏ ิบัติมิได้มีไว้รับใช้ชาติ กลุ่มชน หรืออุดมการณ์ใดๆ แต่เพื่อการเติบโตทางปัญญาและจร ิยธรรมของปัจเจกที่เป็นตัวของตั วเองและเป็นอิสระจากยากล่อมประส าททั้งหลาย” (ธงชัย วินิจจะกูล)
น่าคิดเหมือนกันว่าสุดท้ายแล้ว
ในทุกๆ วันที่เราดำเนินชีวิต เราเป็นตัวของตัวเองจริงหรือเปล่า? หรือเอาเข้าจริง เรา "เต้น" ไปตามจังหวะของยากล่อมประสาททั้ งหลายบรรดามี (ชาติ ศาสน์ กษัตริย์, คุณธรรมที่ยึดถือ, ลัทธิ, ความเชื่อ, สถาบันการศึกษาที่ 'บ่มเพาะ' ผ่านระยะเวลาอันยาวนานนับตั้งแต ่เรายังเป็นเด็กจนปัจจุบัน, โฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อต่างๆ ทีวี วิทยุ ละครน้ำเน่า สื่อกระแสหลักที่เปิดกล่อมเราอยู่แทบทุกเวลานาที, ตัณหาความอยากส่วนตัว, อิทธิพลจากเพื่อนหรือคนใกล้ชิด, ผู้สอน (ซึ่งนับรวมผมเข้าไปด้วย) ที่ 'มักจะ' ครอบงำความคิด (domination) ผู้เรียนด้วยการพูด คิด เขียน และจูงจมูกให้เราเชื่อตาม อ้างหลักฐานโน่นนี่นั่น นักคิดของคนนั้นคนนี้ กล่อมประสาททุกวี่วัน หากไม่เชื่อตามฟังตามก็มีสิทธิส อบไม่ผ่าน เขาจึงมีอำนาจเหนือเรา ฯลฯ)
มันเป็นกระบวนการของการกระทำให้ตัวเองเป็นซับเจค (Subjectification)
ซับเจคนั้นเป็นผู้กระทำ (action) มากกว่าเป็นผู้ถูกกระทำ อย่างไรก็ดี ผู้ถูกกระทำนั้นก็คือตัวผู้กระทำเองคือกระทำให้ตัวเองเป็นซับเจ ค เช่น ถ้าต้องการที่จะมีสุขภาพดี ก็ต้องดูแลสุขภาพ ทานอาหารที่ดี เราทำตัวเราเองเพราะตกอยู่ใต้วา ทกรรมสุขภาพดี, หากรักชาติมากๆ จนกลายเป็นคนที่ 'คลั่งชาติ' ก็อาจทำอะไรกับตัวเองถึงขนาดสักไปตามร่างกายเพราะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของลัทธิชาตินิยม (nationalism) บางครั้งอาจเกิดกลุ่มอาการต้องการจะปกป้องสถาบันด้วยค วามจงรักภักดี จึงต้องกำจัดฝ่ายตรงข้าม จงเกลียดจงชัง ประณามหยามเหยียดแบบต่างๆ ลดคุณค่าอีกฝ่ายลงเป็นควายชนิดที่ไม่มีวัวปนอยู่เลยก็อาจเป็นได้ ฯลฯ
แล้วใครที่คิดว่าตัวเองเป็นอิสระ เอาเข้าจริงยังมีเรื่องของ 'จิตไร้สำนึก' ที่ควบคุมมันไม่ได้อีกละ? มันพร้อมจะโผล่ปรากฏมาตอนไหนก็ไ ม่รู้ เช่น ตอนพูดหลุดปาก ตอนเราฝันละเมอ ตอนเจ็บไข้ได้ป่วย ล้มหมอนนอนเสื่อ ฯลฯ
"ตัวตน" ของเราจึงอ่อนปวกเปียก เหมือนก้อนดินที่ชุ่มด้วยน้ำ พร้อมที่จะถูกปั้นแต่งออกมาในรูปแบบต่างๆ
No comments:
Post a Comment