Saturday, May 9, 2015

ปรัชญาของเซเนกา

 

13 ปีก่อนที่ฌาค-หลุยส์ ดาวิดจะวาดภาพการตายของโสคราตีส เขาให้ความสนใจนักปรัชญายุคโบราณอีกท่านหนึ่ง ซึ่งพบจุดจบด้วยความสงบแบบเหนือธรรมดาท่ามกลางเพื่อนฝูงและครอบครัวที่ร้องไห้เยี่ยงคนเสียสติ

ดาวิดวาดภาพการตายของเซเนกา ในปี ค.ศ. 1773 เมื่อดาวิดอายุ 25 ปี ภาพนี้พรรณนาถึงวาระสุดท้ายของนักปรัชญาสโตอิกผู้นี้ในบ้านพักนอกกรุงโรมในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 65 ผู้บังคับกองร้อยเดินทางมาถึงบ้านหลังนี้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าพร้อมกับคำสั่งจากจักรพรรดิให้เซเนกาปลิดชีวิตตัวเองลงในทันที มีการเปิดเผยว่าแผนกบฏมีขึ้นเพื่อกำจัดจักรพรรดิเนโรวัย 28 ปีจากบัลลังก์ และจักรพรรดิผู้บ้าคลั่งและควบคุมตัวเองไมได้ก็ได้ทำการแก้แค้นโดยไม่มีการยับยั้งชั่งใจ แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่เชื่อมโยงเซเนกากับแผนกบฏ แม้ว่าเขาจะทำงานเป็นอาจารย์ส่วนพระองค์ของจักรพรรดิมาเป็นเวลา 5 ปี และเป็นคนสนิทที่จงรักภักดีมานานกว่าทศวรรษ

แต่การที่จักรพรรดิเนโรมีคำสั่งให้เขาตายเป็นการกระทำที่หวาดระแวงเกินเหตุ ด้วยจุดประสงค์เดียวกันนี้ พระองค์ได้ฆ่าบริทานนิคัส พระอนุชาร่วมบิดา อากริพพินาพระมารดา และพระมเหสีออกเตเวีย กำจัดวุฒิสมาชิกและอัศวินจำนวนมากด้วยการโยนพวกเขาให้จระเข้และสิงโตกิน และพระองค์ยังร้องเพลงขณะที่กรุงโรมถูกเผาจนราบในเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ ปี ค.ศ. 64

เมื่อบรรดาสหายของเซเนกาทราบคำสั่งของเนโร พวกเขาพากันหน้าซีดเผือดและเริ่มร้องไห้ แต่ดาวิดอ่านบันทึกของทาซิตัสที่บรรยายไว้ว่านักปรัชญาผู้นี้ยังคงไม่สะทกสะท้าน และพยายามปลอบไม่ให้สหายร่ำไห้ อีกทั้งยังฟื้นฟูกำลังใจของพวกเขาด้วย

เซเนกาถามว่า ปรัชญาของพวกเขาทั้งหลายและความแน่วแน่ที่จะต่อต้านเคราะห์ร้ายที่ใกล้เขามาซึ่งพวกเขาปลุกใจให้แก่กันมาเป็นเวลาหลายปีนั้นหายไปไหน เซเนกาพูดว่า แน่นอนว่า ไม่มีผู้ใดไม่รู้ว่าเนโรมีนิสัยโหดเหี้ยม! 'หลังจากที่พระองค์ฆ่าพระมารดา และพระอนุชาแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแต่การฆ่าผู้ที่เป็นทั้งผู้อบรมสอนสั่งและอาจารย์ส่วนพระองค์เท่านั้น'
 


ปรัชญาของเซเนกา
ที่มาของความพึงพอใจอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา และโลกไม่ได้เป็นไปตามความต้องการของเราชนิดที่จะไว้วางใจได้
ความคิดเพียงความคิดเดียวที่ปรากฏขึ้นตลอดงานเขียนของเซเนกา ก็คือ ความคิดที่ว่าเราจะอดทนได้ดีที่สุดต่อความคับข้องใจที่เราเข้าใจและเตรียมพร้อมที่จะเผชิญและจะเจ็บปวดมากที่สุดโดยความคับข้องใจที่เราคาดหมายไว้น้อยที่สุดและไม่สามารถหยั่งถึง ปรัชญาจะต้องทำให้เรายอมรับมิติที่แท้จริงของความเป็นจริงและช่วยให้เราหลุดพ้น ถ้าไม่จากความคับข้องใจเอง ก็จากบรรดาอารมณ์อันตรายซึ่งเกิดขึ้นตามมา
งานยากของปรัชญา คือ การทำให้ความปรารถนาของเราพร้อมจะปะทะกับกำแพงแห่งความเป็นจริงอันแข็งแกร่งอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้