Tuesday, July 15, 2014

บทสะท้อนปัญหาการศึกษาไทย

หมายเหตุ ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาผมลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์ผู้บริหารการศึกษา 
ได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากมาย เลยอยากนำมาบอกเล่าต่อ เนื้อหาข้างล่างนี้เป็นส่วนหนึ่งในบทสัมภาษณ์ที่บอกเล่าถึงปัญหาการศึกษาไทยได้พอควร ลองอ่านกันดูนะครับ

ถ้าเราไปถามถึงต่างประเทศ เขาไม่ได้คิดถึงการศึกษาขนาดเหมือนเรานะ ถามคุณถามผมว่าทำไมของเราสู้เขาไม่ได้ ผมจะตอบว่ามันสู้ไม่ได้ตั้งแต่คนคิดมาแล้ว ไม่ใช่มันสู้ไม่ได้ที่เรานะ ตั้งแต่หัวโน้นแล้ว ไปเรียนมาจากเมืองนอก แล้วก็ไปตามเขามาอีกที แล้วถามว่าทำไมเราสู้เขาไม่ได้ ก็เพราะมันเป็นอย่างนี้เราถึงสู้เขาไม่ได้ (เสียงสูง) เพราะคิดเปลี่ยนตั้งแต่รัฐมนตรีมากี่คน คิดกันมากี่คน มันคิดให้เราดีขึ้นไหมมันไม่มี เขาไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย มาเพราะการเมือง แล้วก็ที่สำคัญ การให้ความสำคัญในการศึกษาของเราเหมือนกับต่างประเทศหรือไม่ ตอบได้เลยว่าไม่เหมือน ของเรานั้นคนที่จะมาเป็นครู เป็นคนด้อยโอกาสระดับหนึ่งเท่านั้นที่ไปไหนไม่ได้ (เสียงสูง) คนที่มาเป็นครูก็เป็นลูกชาวบ้านชาวช่อง ก็เป็นคนระดับต่ำลงมา ก็เป็นกันในแวดวงการครู คนรากหญ้าเสียส่วนใหญ่ที่มาเป็นครู คนที่เป็นหมอ เป็นวิศวะ เป็นแพทย์เขามีรายได้ มีหลักประกัน มีฐานะ มีทางเลือก หัวสมองเขาดี แต่ของเราหัวสมองระดับกลางถึงต่ำ แล้วก็มาเป็นครู ทีนี้ก็มารับเงินเดือนต่ำ เงินเดือนเพิ่งจะมาดีขึ้นก็เมื่อไม่นานมานี้เอง ไม่กี่ปีมานี้เอง แล้วก็มีองค์กรวิชาชีพขึ้นมาดูแล ก็โอเคนะครับ แต่ถามว่าการให้ความสำคัญก็ยังน้อยอยู่ สู้เพื่อนไม่ได้หรอกครับ
แทนที่ว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ประเทศอื่นๆ นั้นค่าตอบแทนเขาสูงมาก คนที่มาเป็นครูก็เป็นชั้นหนึ่ง เขาคัดเลือกมาแล้วระดับครีมเลย ไม่ว่าประเทศไหนๆ ลองไปดูได้เลย ยุโรป อะไรต่างๆ ทั้งนั้นเลยที่เอาครูชั้นยอดมา เงินเดือนก็สูงกว่าเพื่อน การดูแลสวัสดิการ การดูแลสวัสดิภาพดีๆ ทั้งนั้น ดีกว่าเพื่อน แล้วคนที่มาเป็นครูก็มีความพร้อมด้านการเป็นอยู่ ด้านฐานะ ทำให้ครูสอนเด็กได้อย่างสบายใจ มีความสุข เหมือนทำงานออฟฟิศ เขามีความพร้อมทุกอย่าง แต่ของเราครูเหมือนทำงาน Labor เหมือนจับกัง ต้องทำทุกเรื่อง ตั้งแต่ขี้เยี่ยวเด็ก ดูแลทุกเรื่อง ต้องสอน ต้องดูแลงานโครงการ งานนโยบาย ของต่างประเทศเขาอยู่กันแบบงานสบายเน้นการสอน สอนเด็ก มีเวลาที่จะดูแล มีเวลาที่จะคิด เงินทองก็ไม่เดือดร้อน อยู่ได้ ฐานะความเป็นอยู่ดี สวัสดิการ การศึกษาผลที่ออกมาก็สอนเด็กได้ดี ตอบคำถามของการศึกษาระดับชาติได้ แต่ว่าถ้าเมื่อไหร่เราเป็นคนหางแถว ยังเที่ยวดิ้นรนอยู่เลย แล้วหนีบถังน้ำแข็งซึ่งเพิ่งจะยกเลิกกันไปไม่นาน ยังมีครูที่เอาน้ำแข็งใส่แล้วไปขายอาหารกลางวันให้กับเด็กด้วย ครูนี่ตอนเช้าต้องไปซื้อกับข้าวไปทำให้เด็กกิน ทุกเรื่อง แต่เดี๋ยวนี้ก็ดีขึ้นเพราะมันเข้าระบบแล้ว โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดใหญ่ แต่โรงเรียนขนาดเล็กๆ ก็ยังมีอยู่ ครูต้องรับผิดชอบทุกเรื่อง สุขภาพอนามัย การกินการอยู่ในโรงเรียนอะไรต่ออะไร ครูคนนั้นรับผิดชอบคนเดียวเลยนะครับ แล้วถ้าเมื่อไหร่โรงเรียนนี้มีครู 2 คนขึ้นมารวมผู้บริหารด้วย แล้วตายไหม ถามหน่อยเถอะ ก็ตาย แล้วการศึกษาจะไปตอบ PISA อะไรได้อย่างไร คุณภาพจะเอาอะไรถามหน่อยเถอะ
            ก่อนที่จะถามถึงคุณภาพ คุณได้ให้สวัสดิการ สวัสดิภาพเขาแค่ไหน ได้ลงไปดูจริงๆ ถามว่ามีใครสักกี่คนที่คิดนโยบาย ได้ลงไปเดินกลางสนามหญ้าโรงเรียน ไปเปิดประตูห้องเรียน ไปดูว่าเด็กเขาเรียนกันอย่างไร คนที่คิดนโยบายได้เดินไปดูกันบ้างไหม มีกันกี่คน ไม่มีหรอกครับ นั่งคิดในห้องแอร์อยู่ที่ส่วนกลางโน้น ถามว่าถ้าจะรอการรายงานผล ใครก็ต้องรายงานผลว่าดีๆ กันทั้งนั้น ให้เขตรายงานผล มีไหมที่ผู้อำนวยเขตพื้นที่การศึกษาไหนที่จะเซ็นต์บออกว่าการศึกษาของเราแย่ใช้ไม่ได้ เหมือนที่ผมคิด ผู้อำนวยการเขตไหนที่จะรายงาน เพราะเรื่องผลการรายงานมันเกี่ยวโยงกับเรื่องการประเมินผลงาน มันเกี่ยวโยงกันกับการทำงาน ก็ถ้าคุณทำงานไม่ดี เขาก็จะมาอัดเราว่าเราให้ทำงานให้ดี ทำไมคุณไม่แก้ปัญหา ดูแลโรงเรียนเขาก็จะให้คุณไปแก้ปัญหา งบประมาณเขาก็ให้มาแล้ว ค่าหัวเด็กเขาก็ให้มาแล้ว 1,000 กว่าบาท ทำไมผลถึงยังเป็นอย่างนี้ แต่ว่าผลที่เรากำลังพูดถึงมันเป็นปัญหาทั้งประเทศ มันไม่ได้เป็นปัญหาของเขตนี้แต่เป็นปัญหาของการศึกษาไทย มันเป็นสังคมวัฒนธรรมไทย

No comments:

Post a Comment