Thursday, July 24, 2014

พูดอย่างทำอีกอย่าง

ผมนั่งอ่านสาระสำคัญของการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (๒๕๕๒-๒๕๖๑) แล้วก็นึกขำกับการกระทำของรัฐไทยในลักษณะ 'พูดอย่างทำอีกอย่าง' มาดูกันเฉพาะแค่เรื่อง 'เป้าหมายยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง' ก็แล้วกัน


พูดเฉพาะแค่ข้อ ๓) กับข้อ ๔) ก็พอ ข้อที่ ๓) บอกว่ามีวัฒนธรรมประชาธิปไตย
คำถามก็คือการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลจากการเลือกตั้งซึ่งเป็นรัฐบาลตัวแทนที่มาจากอำนาจของประชาชนนั้น ถือเป็นตัวอย่างการสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยตรงไหนมิทราบ?
พอทำรัฐประหารยึดอำนาจแล้วเสร็จในระยะเวลา ๖๐ กว่าวัน http://ilaw.or.th/node/3184 ภายหลังจากคณะผู้ยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกติกาหลักของสังคมที่สมาชิกในสังคมตกลงยอมรับร่วมกัน คณะรัฐประหารก็ได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งไม่ได้เป็นวิถีหรือครรลองตามระบอบประชาธิปไตยใดๆ เลย ประกาศใช้รัฐธรรมนูญเองเออเองโดยเรียกมันว่ารธน.ฉบับชั่วคราว ซึ่งอันที่จริงแล้ว ผมจะบอกให้ว่า รัฐธรรมนูญของประเทศนี้ไม่เคยมีฉบับที่ถาวรเลยสักฉบับ ฉบับชั่วคราวนี้ก็เป็นฉบับที่ ๑๙ แล้ว ขณะที่รัฐธรรมนูญของประเทศสหรัฐฯ เขาใช้แค่ฉบับเดียว และใช้กันมา ๒๐๐ กว่า ปี โดยมาจากอำนาจของประชาชนอย่างแท้จริง
 
 http://www.thailaws.com/law/thaiacts/e_constitution012.pdf

ลองคิดเปรียบเทียบดูก็แล้วกันว่ากรณีของไทย การร่างรัฐธรรมนูญ - ประกาศใช้ - ไม่พอใจก็ฉีก - ฉีกแล้วร่างใหม่อีก - แล้วประกาศใช้ใหม่อีก ทำแบบนี้กันมาซ้ำแล้วซ้ำอีก มันเป็นการสร้างวัฒธรรมประชาธิปไตยให้เป็นตัวอย่างแก่เด็กและเยาวชนตรงไหนมิทราบ?
ยังไม่แค่นั้นนะครับ ฝ่ายที่รัฐประหารยึดอำนาจยังเขียนใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญในมาตราสุดท้ายไว้อย่างน่าเกลียดอีกด้วยว่า ไอ้สิ่งที่ตัวเองทำไปแล้วในอดีต (ล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งโดยการรัฐประหารยึดอำนาจอธิปไตยไปจากประชาชนเจ้าของประเทศ) นี้ และที่จะทำต่อไปในอนาคต (ซึ่งไม่รู้อีกนานแค่ไหนและทำอะไร) ให้ถือว่า 'หากการกระทำนั้นผิดกฎหมาย ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิด และความรับผิดโดยสิ้นเชิง' แหม่! สร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยน่าดูเลยนะครับ
แล้วอย่างนี้จะให้คนไทยใฝ่ดี...มีวัฒนธรรมประชาธิปไตยได้อย่างไร ก็เห็นๆ ตัวอย่างระดับชนชั้นนำ (elites) หรือชนชั้นปกครอง (ruling classes) ของประเทศกันอยู่ว่า การกระทำแบบนี้นี่มันเป็นเผด็จการชัดๆ

หมายเหตุ
ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ ผมใช้สิทธิในข้อที่ ๔) ของเป้าหมายุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สองอยู่นะครับ ที่บอกว่า "คนไทยคิดเป็น..." จึงเรียนมาเพื่อทราบ


No comments:

Post a Comment