Monday, April 7, 2025

หนังสือ Death by China: Confronting the Dragon – A Global Call to Action เขียนโดย Peter Navarro

หนังสือ Death by China: Confronting the Dragon – A Global Call to Action เขียนโดย Peter Navarro

หนังสือ Death by China: Confronting the Dragon – A Global Call to Action เขียนโดย Peter Navarro และ Greg Autry ตีพิมพ์ในปี 2011 เป็นงานเขียนที่นำเสนอมุมมองเชิงวิพากษ์ต่อการเติบโตของจีนในฐานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ และวิเคราะห์ว่าจีนเป็นภัยคุกคามต่อความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในศตวรรษที่ 21 หนังสือเล่มนี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อนโยบายกำแพงภาษี (tariffs) ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะผ่านบทบาทของ Navarro ซึ่งต่อมาได้เป็นที่ปรึกษาด้านการค้าของทรัมป์ ต่อไปนี้คือการสรุปเนื้อหา ความคิดของผู้เขียน และการวิเคราะห์แยกประเด็น รวมถึงอิทธิพลต่อนโยบายของทรัมป์


สรุปเนื้อหาหนังสือ

หนังสือ Death by China อธิบายว่าจีนใช้กลยุทธ์ที่ไม่เป็นธรรมหลายประการเพื่อครองตลาดโลกและทำลายอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ โดย Navarro และ Autry เรียกจีนว่า "มังกร" (Dragon) ที่กำลังคุกคามโลกตะวันตกผ่าน "การฆ่าทางเศรษฐกิจ" เนื้อหาหลักแบ่งออกเป็นประเด็นดังนี้:

  1. การ manipulatiion ทางเศรษฐกิจ
    • ผู้เขียนระบุว่าจีน manipulatiion ค่าเงินหยวนให้ต่ำเกินจริง (currency manipulation) และให้เงินอุดหนุนการส่งออกอย่างผิดกฎหมาย (illegal export subsidies) เพื่อทำให้สินค้าจีนราคาถูกและแข่งขันกับสินค้าอเมริกันได้อย่างไม่เป็นธรรม
    • ผลคือ สินค้าจีน "ท่วม" ตลาดสหรัฐฯ ส่งผลให้บริษัทอเมริกันแข่งขันไม่ได้ และสูญเสียงานในภาคการผลิตไปมาก
  2. สินค้าอันตรายและการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
    • หนังสือกล่าวหาว่าสินค้าจากจีน เช่น ของเล่น เสื้อผ้า หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มักมีคุณภาพต่ำและเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เช่น มีสารพิษหรือเสี่ยงต่อการระเบิด
    • จีนยังถูกกล่าวหาว่าขโมยทรัพย์สินทางปัญญา (intellectual property theft) และละเมิดลิขสิทธิ์ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมของตัวเองโดยไม่ต้องลงทุนด้านนวัตกรรม
  3. นโยบายการค้าที่กีดกัน
    • ผู้เขียนวิจารณ์ว่ารัฐบาลจีนใช้ระบบทุนนิยมแบบผสมผสาน (state capitalism) ที่มีการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ (protectionism) และกีดกันบริษัทต่างชาติจากการเข้าสู่ตลาดจีน
    • ตัวอย่างเช่น การบังคับให้บริษัทอเมริกันถ่ายโอนเทคโนโลยีเพื่อแลกกับการเข้าถึงตลาด
  4. ภัยคุกคามด้านความมั่นคง
    • นอกเหนือจากเศรษฐกิจ หนังสือยังเตือนว่าความมั่งคั่งที่จีนได้จากการค้าจะถูกนำไปพัฒนากองทัพ ซึ่งอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าทางทหารกับสหรัฐฯ ในอนาคต
  5. ข้อเสนอแนะ
    • ผู้เขียนเสนอให้สหรัฐฯ ใช้มาตรการตอบโต้ เช่น การตั้งกำแพงภาษี (tariffs) การคว่ำบาตร และการกดดันผ่านองค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อหยุดยั้ง "การรุกราน" ทางเศรษฐกิจของจีน
    • พวกเขายังเรียกร้องให้ผู้บริโภคเลิกซื้อสินค้าจากจีน และให้รัฐบาลส่งเสริมการผลิตในประเทศ (reshoring)

ความคิดของผู้เขียน

Peter Navarro นักเศรษฐศาสตร์ที่จบปริญญาเอกจาก Harvard และอาจารย์จาก University of California, Irvine ร่วมกับ Greg Autry นักวิชาการด้านธุรกิจ มีมุมมองที่ชัดเจนว่า:

  1. ต่อต้านโลกาภิวัตน์ที่ไม่สมดุล
    • ผู้เขียนมองว่า "การค้าเสรี" (free trade) ในทฤษฎีนั้นดี แต่ในทางปฏิบัติกับจีนนั้นไม่เคยเป็นการค้าเสรีที่แท้จริง เพราะจีนไม่เคารพกฎเกณฑ์สากล
    • พวกเขาเชื่อว่าการที่สหรัฐฯ เปิดรับสินค้าจีนโดยไม่ตอบโต้คือการ "ยอมจำนน" ทางเศรษฐกิจ
  2. ทัศนคติต่อจีน
    • Navarro และ Autry มองจีนในฐานะระบอบเผด็จการ (totalitarian regime) ที่มุ่งครองโลก ไม่ใช่แค่คู่แข่งทางเศรษฐกิจ แต่เป็น "ศัตรู" ที่ต้องเผชิญหน้า
    • ภาษาที่ใช้ในหนังสือ เช่น "มังกร" หรือ "นักฆ่าที่มีประสิทธิภาพที่สุดของโลก" แสดงถึงทัศนคติที่รุนแรงและหวาดระแวง (alarmist)
  3. ชาตินิยมทางเศรษฐกิจ
    • ผู้เขียนสนับสนุนแนวคิดชาตินิยมทางเศรษฐกิจ (economic nationalism) โดยเชื่อว่าสหรัฐฯ ต้องปกป้องอุตสาหกรรมและงานของตัวเอง แทนที่จะพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน

วิเคราะห์และอภิปราย

จุดแข็งของหนังสือ

  • ข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้
    บางประเด็นที่ Navarro และ Autry หยิบยกมา เช่น การ manipulatiion ค่าเงินของจีน หรือการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา ได้รับการยอมรับจากนักเศรษฐศาสตร์ทั่วไปว่าเป็นปัญหาจริงในช่วงต้นทศวรรษ 2000 จนถึง 2010
  • การปลุกจิตสำนึก
    หนังสือเล่มนี้ประสบความสำเร็จในการจุดประกายให้คนอเมริกันหันมาสนใจผลกระทบของจีนต่อเศรษฐกิจ และกลายเป็น "คู่มือ" สำหรับผู้ที่ไม่พอใจกับโลกาภิวัตน์

จุดอ่อนและข้อโต้แย้ง

  • น้ำเสียงเกินจริงและลำเอียง
    นักวิจารณ์ เช่น Andrew O'Hehir จาก Salon และ Neil Genzlinger จาก The New York Times ชี้ว่าน้ำเสียงของหนังสือ "เกินจริง" (sensationalist) และ " односторонний" (one-sided) โดยขาดการนำเสนอทางออกที่สมดุลหรือมุมมองจากฝั่งจีน
  • ข้อโต้แย้งทางเศรษฐศาสตร์
    นักเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก เช่น Marcus Noland จาก Peterson Institute for International Economics วิจารณ์ว่าแนวคิดของ Navarro ขาดหลักฐานเชิงประจักษ์ที่หนักแน่น และมองข้ามปัจจัยอื่น เช่น การขาดการออมในสหรัฐฯ ที่ทำให้เกิดการขาดดุลการค้า ไม่ใช่แค่การกระทำของจีน
  • กรณี Ron Vara
    ความน่าเชื่อถือของ Navarro ตกต่ำเมื่อมีการเปิดเผยในปี 2019 ว่า "Ron Vara" ผู้เชี่ยวชาญที่เขาอ้างถึงบ่อยๆ ในหนังสือ เป็นตัวละครสมมติที่เขาสร้างขึ้นเอง (anagram ของ Navarro) ซึ่งทำให้เกิดคำถามถึงความซื่อสัตย์ทางวิชาการ

แยกประเด็น: อิทธิพลต่อนโยบายทรัมป์

  1. จุดเริ่มต้นของอิทธิพล
    • ทรัมป์รู้จัก Navarro ผ่านหนังสือ Death by China ซึ่ง Jared Kushner ลูกเขยของทรัมป์พบใน Amazon และแนะนำให้ทรัมป์ในช่วงหาเสียงปี 2016
    • ทรัมป์ชื่นชมหนังสือและสารคดีที่ดัดแปลงจากหนังสือ (นarrated โดย Martin Sheen) โดยระบุว่า "มันถูกต้อง" และ "แสดงปัญหากับจีนด้วยข้อเท็จจริง"
  2. การแปลเป็นนโยบาย
    • Navarro เข้าร่วมทีมหาเสียงของทรัมป์ในฐานะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ และต่อมาได้เป็นผู้อำนวยการ National Trade Council และ Office of Trade and Manufacturing Policy ในรัฐบาลทรัมป์
    • ไอเดียหลักจากหนังสือ เช่น การตั้งกำแพงภาษีเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมอเมริกัน ถูกนำไปใช้จริง เช่น การตั้งภาษี 25% ต่อสินค้าจีนมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2018 ซึ่งนำไปสู่สงครามการค้ากับจีน (China-US Trade War)
  3. ผลกระทบ
    • ด้านบวก: ผู้สนับสนุนทรัมป์และ Navarro มองว่านโยบายนี้ช่วยกดดันจีนให้เจรจาข้อตกลงการค้า Phase One ในปี 2020 และกระตุ้นให้บางบริษัทย้ายการผลิตกลับสหรัฐฯ
    • ด้านลบ: นักวิจารณ์ชี้ว่าภาษีกลายเป็น "ภาษีถดถอย" (regressive tax) ที่เพิ่มต้นทุนให้ผู้บริโภคอเมริกัน สร้างความผันผวนในตลาดการเงิน และไม่สามารถลดการขาดดุลการค้าได้อย่างมีนัยสำคัญ

เบื้องหลังและความสำคัญ

  • บริบทส่วนตัวของ Navarro: Navarro เป็นนักวิชาการที่มีประวัติต่อต้านจีนมานานก่อนเขียน Death by China เช่น ในหนังสือ The Coming China Wars (2006) แสดงให้เห็นว่าเขามีอคติต่อจีนที่ฝังรากลึก ซึ่งอาจมาจากความกังวลต่อการสูญเสียงานในสหรัฐฯ
  • บริบทการเมือง: หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ในช่วงที่สหรัฐฯ เริ่มตื่นตัวกับการสูญเสียงานในภาคการผลิต และความนิยมของทรัมป์ในฐานะผู้สมัครที่ต่อต้านโลกาภิวัตน์ ทำให้ไอเดียของ Navarro สอดคล้องกับกระแสประชานิยม (populism)
  • อิทธิพลต่อทรัมป์: ทรัมป์ ซึ่งไม่ใช่นักวิชาการหรือนักอ่านตัวยง อาจถูกล่อใจด้วยภาษาที่เรียบง่ายและเร้าอารมณ์ของ Navarro มากกว่าการวิเคราะห์เชิงลึก ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่านโยบายภาษีของเขามาจาก "สัญชาตญาณ" ที่ Navarro เสริมแรง (reinforced) มากกว่าการคำนวณอย่างรอบคอบ

สรุป

Death by China เป็นหนังสือที่สะท้อนความหวาดกลัวและความไม่พอใจต่อการผงาดขึ้นมาของจีนในเวทีเศรษฐกิจโลก โดย Navarro และ Autry ใช้ข้อมูลผสมผสานกับวาทศิลป์ที่รุนแรงเพื่อเรียกร้องให้สหรัฐฯ ตอบโต้ อิทธิพลของมันต่อนโยบายภาษีของทรัมป์แสดงให้เห็นว่าไอเดียจากหนังสือสามารถกลายเป็นนโยบายระดับชาติได้เมื่อมีผู้นำที่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ความน่าเชื่อถือของหนังสือและผลลัพธ์ของนโยบายยังคงเป็นที่ถกเถียง โดยบางคนมองว่าเป็นการปกป้องชาติที่จำเป็น ขณะที่คนอื่นเห็นว่าเป็นการตัดสินใจที่ขาดเหตุผลและก่อผลเสียมากกว่าผลดี



No comments:

Post a Comment