Wednesday, April 9, 2025

การวิเคราะห์ท่าทีของทรัมป์ผ่านมุมมอง "ซุนวู" (ซุนจื่อ) จาก "ศิลปะแห่งสงคราม"

การวิเคราะห์ท่าทีของทรัมป์ผ่านมุมมอง "ซุนวู" (ซุนจื่อ) จาก "ศิลปะแห่งสงคราม"


การที่ทรัมป์ประกาศเลื่อนมาตรการภาษี 90 วันสำหรับประเทศที่ไม่ตอบโต้สหรัฐฯ แต่ขึ้นภาษีจีนเป็น 125% สามารถตีความได้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่สะท้อนทั้งความกังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจในประเทศและการพยายามรักษาหน้าตาทางการเมือง โดยมุ่งเป้าไปที่จีนเป็นหลัก เราจะใช้หลักคิดของซุนวู (Sun Tzu) จาก "ศิลปะแห่งสงคราม" (The Art of War) เพื่ออ่านเกมการต่อสู้ทางการค้านี้ โดยพิจารณาผ่านแนวคิดหลัก ๆ ดังนี้:

1. "รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง" (知彼知己,百戰不殆)

  • การวิเคราะห์: ซุนวูเน้นว่าการรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของทั้งตนเองและศัตรูเป็นกุญแจสู่ชัยชนะ การตัดสินใจของทรัมป์แสดงให้เห็นว่าเขาตระหนักถึง "จุดอ่อน" ของสหรัฐฯ เอง เช่น การที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (เช่น S&P 500, Dow Jones) ร่วงหนักหลังประกาศภาษีก่อนหน้านี้ และคำเตือนจากนักเศรษฐศาสตร์ถึงโอกาสเกิดภาวะถดถอย (recession) หากเดินหน้าสงครามการค้าเต็มรูปแบบ การเลื่อนภาษี 90 วันสำหรับประเทศอื่นนอกจากจีนจึงเป็นการ "ถอยเพื่อรักษากำลัง" (退而保己) เพื่อลดแรงกดดันในประเทศ โดยเฉพาะจากภาคธุรกิจและนักลงทุนที่กังวลเรื่องต้นทุนสินค้าและความผันผวนของตลาด
  • มุมมองต่อจีน: ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ "รู้เขา" ว่าจีนเป็นคู่แข่งหลักที่มีศักยภาพสูงและตอบโต้อย่างแข็งกร้าว (เช่น ภาษี 84%) การขึ้นภาษีจีนถึง 125% จึงเป็นการโจมตีเป้าหมายหลักเพื่อกดดันให้จีนยอมเจรจา หรือหวังให้จีนเสียหายมากกว่าสหรัฐฯ ในระยะยาว

2. "ชัยชนะสูงสุดคือชนะโดยไม่ต้องรบ" (不戰而屈人之兵)

  • การวิเคราะห์: ซุนวูกล่าวว่าการชนะโดยไม่ต้องลงสนามรบจริงคือยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุด การที่ทรัมป์เลือก "หยุดชั่วคราว" กับประเทศที่ไม่ตอบโต้ (กว่า 75 ประเทศที่ติดต่อขอเจรจา) แสดงถึงการใช้ "การข่มขู่" (威懾) เพื่อบีบให้ประเทศเหล่านี้ยอมเจรจาโดยไม่ต้องเผชิญหน้ากันเต็มที่ การลดภาษีเหลือ 10% ชั่วคราวและให้เวลา 90 วันเป็นเหมือน "แครอท" (carrot) ที่จูงใจให้ประเทศอื่น ๆ เข้าสู่โต๊ะเจรจา แทนการใช้ "ไม้ตี" (stick) อย่างเต็มรูปแบบ
  • มุมมองต่อจีน: แต่กับจีนที่เลือกตอบโต้ ทรัมป์กลับใช้ "ไม้แข็ง" (硬仗) โดยขึ้นภาษีถึง 125% ซึ่งขัดกับหลักซุนวูในแง่ที่ว่า การรบโดยตรงกับศัตรูที่พร้อมสู้ถึงที่สุด (จีนระบุชัดว่า "จะสู้ถึงที่สุด") อาจนำไปสู่การสูญเสียทั้งสองฝ่าย (兩敗俱傷) แทนการชนะแบบไม่ต้องรบ

3. "ใช้ความโกลาหลเป็นโอกาส" (亂中取勝)

  • การวิเคราะห์: ซุนวูแนะให้ฉวยโอกาสจากความวุ่นวาย ทรัมป์อาจมองว่าความผันผวนของตลาดโลกและการตอบโต้ของจีนเป็น "โอกาส" ที่จะแยกจีนออกจากพันธมิตรอื่น ๆ การให้เวลาประเทศอื่น 90 วันเพื่อเจรจา พร้อมกับลงโทษจีนหนัก ๆ เป็นการสร้างภาพว่าสหรัฐฯ ยังเป็นผู้นำที่ "ควบคุมเกมได้" และพยายามดึงประเทศอื่นมาเป็นพันธมิตร (เช่น ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, เวียดนาม) เพื่อต่อต้านจีน ซึ่งสอดคล้องกับที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ (Scott Bessent) ระบุว่า "นี่คือกลยุทธ์ตั้งแต่ต้น" เพื่อแยกจีนออกจากระบบการค้าโลก
  • มุมมองต่อจีน: อย่างไรก็ตาม จีนเองก็อาจใช้หลักนี้เช่นกัน โดยฉวยโอกาสจากความโกลาหลนี้เพื่อกระชับสัมพันธ์กับประเทศอื่น (เช่น การลดการพึ่งพาสหรัฐฯ และหันไปค้าขายกับเอเชียหรือยุโรป) ซึ่งอาจทำให้กลยุทธ์ของทรัมป์ไม่สำเร็จเต็มที่

4. "โจมตีจุดอ่อน หลีกเลี่ยงจุดแข็ง" (攻其無備,出其不意)

  • การวิเคราะห์: ซุนวูแนะให้โจมตีจุดที่ศัตรูไม่พร้อมและคาดไม่ถึง การเลื่อนภาษี 90 วันสำหรับประเทศอื่นอาจเป็นการ "หลีกเลี่ยงจุดแข็ง" ของกลุ่มประเทศที่พร้อมตอบโต้ (เช่น EU ที่เตรียมภาษี 25% มูลค่า 21 พันล้านยูโร) เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดจากการถูกรุมตอบโต้จากหลายฝ่ายพร้อมกัน ส่วนการขึ้นภาษีจีนถึง 125% เป็นการ "โจมตีจุดอ่อน" ที่ทรัมป์มองว่าจีนพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ มาก และหวังว่าภาษีสูงจะบีบให้จีนยอมถอย
  • มุมมองต่อจีน: แต่จีนได้พิสูจน์แล้วว่ามีความยืดหยุ่นสูง (resilience) จากสงครามการค้ารอบก่อน (2018-2019) โดยลดการพึ่งพาสหรัฐฯ (เช่น ถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ลดลง) และหันไปพึ่งตลาดในประเทศและพันธมิตรอื่น การโจมตีจุดนี้ของทรัมป์อาจไม่รุนแรงเท่าที่คาด

5. "รักษาหน้าและกำลังใจของกองทัพ" (士氣不可挫)

  • การวิเคราะห์: ซุนวูให้ความสำคัญกับขวัญกำลังใจของกองทัพ (ในที่นี้คือประชาชนและภาคธุรกิจสหรัฐฯ) การถอยจากนโยบายภาษีเต็มรูปแบบหลังตลาดร่วงและมีเสียงคัดค้านจากทั้งในและนอกประเทศ แสดงว่าทรัมป์กังวลเรื่อง "การเสียหน้า" และ "ขวัญกำลังใจ" ในสหรัฐฯ การเลื่อน 90 วันและลดภาษีเหลือ 10% เป็นการ "ซื้อเวลา" เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นในตลาด (เห็นได้จาก S&P 500 พุ่ง 9.5% หลังประกาศ) พร้อมกับโยนความผิดไปที่จีนว่า "ไม่เคารพตลาดโลก" เพื่อรักษาภาพลักษณ์ผู้นำที่เข้มแข็ง
  • มุมมองต่อจีน: การที่ทรัมป์มุ่งโจมตีจีนอาจเป็นการ "เสียหน้า" น้อยกว่าในสายตาผู้สนับสนุน เพราะจีนถูกมองเป็น "ศัตรูหลัก" ในนโยบาย America First แต่หากจีนทนได้นานกว่าที่คาด ภาพลักษณ์ของทรัมป์อาจเสียหายแทน

การอ่านเกมโดยรวม

จากมุมมองของซุนวู ท่าทีของทรัมป์เป็นการผสมผสานระหว่าง "การถอยเพื่อตั้งหลัก" และ "การโจมตีเพื่อกดดัน" ซึ่งมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน:

  • จุดแข็ง: การเลื่อน 90 วันช่วยลดแรงกดดันในสหรัฐฯ และดึงพันธมิตรมาเจรจาได้สำเร็จ (กว่า 75 ประเทศ) ขณะที่การขึ้นภาษีจีนอาจสร้างความเสียหายให้จีนในระยะสั้น โดยเฉพาะสินค้าที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ
  • จุดอ่อน: การเผชิญหน้ากับจีนโดยตรงอาจไม่สอดคล้องกับหลัก "ชนะโดยไม่รบ" เพราะจีนมีทรัพยากรและความพร้อมที่จะสู้ยืดเยื้อ สหรัฐฯ เองก็เสี่ยงต่อภาวะถดถอยหากสงครามการค้ายืดเยื้อเกิน 90 วัน

มุมมองของจีนตามซุนวู

จีนน่าจะใช้กลยุทธ์ "ยืดเยื้อเพื่อให้ศัตรูอ่อนล้า" (以逸待勞) โดยรอให้สหรัฐฯ เผชิญผลกระทบจากนโยบายของตัวเอง (เช่น ราคาสินค้าแพงขึ้นในสหรัฐฯ) และใช้เวลา 90 วันนี้กระชับสัมพันธ์กับประเทศอื่นเพื่อลดผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ

สรุป

ทรัมป์กำลังเล่นเกม "ข่มขู่และซื้อเวลา" เพื่อรักษาหน้าและลดความเสียหายในประเทศ แต่การมุ่งโจมตีจีนอย่างหนักอาจเป็นดาบสองคม เพราะจีนมีศักยภาพที่จะต้านทานและตอบโต้ในระยะยาว ตามหลักซุนวู สหรัฐฯ อาจได้เปรียบในระยะสั้น แต่หากไม่สามารถบีบจีนให้ยอมได้ใน 90 วัน ชัยชนะที่แท้จริงอาจตกเป็นของจีนที่ "รอให้ศัตรูพ่ายแพ้ด้วยตัวเอง"

No comments:

Post a Comment