Saturday, June 28, 2014

ทำน้อยให้ได้มาก


     วันนี้ผมไปยืนอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า ทำน้อยให้ได้มาก ที่ร้านหนังสือซีเอ็ด ยืนอ่านได้ ๔-๕ บท ยอมรับว่าเป็นหนังสือที่ดี แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ ไว้โอกาสหน้าจะหาซื้อมาอ่านให้ครบเล่ม (ดูหน้าตาและฟังทัศนะของผู้เขียนหนังสือเล่มดังกล่าวได้ ที่นี่)

      เท่าที่ผมอ่านจับใจความ สรุปได้ว่า ให้สนใจในสิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆ แล้วทำสิ่งนั้นให้เกิดผลกระทบในเชิงบวกต่อชีวิตให้มากที่สุด ส่วนสิ่งใดที่ไม่สำคัญก็คัดออก/ตัดออก ปล่อยๆ มันไป 

     พูดง่ายๆ ว่าให้ความสำคัญกับสิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆ เกาะติดกับเป้าหมาย แม้เป้าหมายจะใหญ่โต แต่ก็ให้แตกเป้าหมายใหญ่เป็นภาระงานย่อยๆ แล้วค่อยๆ ทำ ไต่ระดับ และให้รางวัลกับงานเล็กๆ ที่เดินไปสู่เป้าหมายใหญ่ เพราะเป้าหมายใหญ่ต้องอาศัยเวลาและกำลัง จะมุทะลุเอาให้สำเร็จโดยเร็วหรือให้ได้ดั่งใจเป็นเรื่องยาก เช่น บางคนอยากจะลดน้ำหนักให้ได้โดยเร็ว ลดอาหาร ออกกำลังกายหักโหม หรือใช้ยาช่วย ไม่นานคงท้อถอยไปเสียก่อน และงานวิจัยก็ชี้ว่าเป็นอย่างนั้นเสียมาก แต่หากตั้งเป้าหมายไว้เล็กๆ โดยกระจายมาจากเป้าหมายใหญ่ ก็จะง่ายขึ้นและเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ที่จะทำให้สำเร็จ (ดูบล็อกที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่ บล็อกที่ ๑ เคล็ดลับทำงานโดยไม่ต่อเน็ต และบล็อกที่ ๒ การจดจ่อ)

     ผมอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว นึกถึงกฎ ๘๐/๒๐ ของพาเรโต กฏนี้อธิบายถึงข้อมูล ๒ ชุดที่เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน เขาพูดถึงการค้นหาข้อมูลชุดแรกที่จะนำไปสู่ความสำเร็จหรือสัมฤทธิ์ผลในข้อมูลชุดที่สอง โดยข้อมูลชุดแรกมีเพียง ๒๐% ที่จะนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์มากถึง ๘๐%  

     ยกตัวอย่างเช่น ในตู้เสื้อผ้าของเรามีเสื้อผ้าอยู่ทั้งหมด ๑๐๐% แต่เราใช้เสื้อผ้าเหล่านั้นตลอดทั้งอาทิตย์หรือตลอดเดือนจริงๆ หยิบมาใส่กันจริงๆ หากพูดกันเป็นตัวเลขก็คือหยิบมาใส่หรือเอามาใช้จาก ๑๐๐% เราเอามาใช้มากถึง ๘๐% นั้น มาจากเสื้อผ้าแค่เพียง ๒๐% เท่านั้นจากผ้าในตู้ ผ้าเหล่านั้นอาจเป็นเสื้อผ้าที่เราชอบ ถูกใจเรา ขนาดมันเหมาะ จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เราใช้เสื้อผ้านั้นแค่เพียง ๒๐% จากผ้าทั้งหมด ๑๐๐% (ดูภาพประกอบข้างล่าง)


     ข้อมูลในแท่งแรกพูดถึงเรื่องปริมาณเสื้อผ้าในตู้ ส่วนข้อมูลแท่งที่สองพูดถึงเรื่องสัดส่วนการเอาเสื้อผ้าจากในตู้มาสวมใส่ตลอดสัปดาห์หรือตลอดเดือน

     คนที่เข้าใจกฎนี้ เขาจะรู้ว่าอะไรคือเรื่องที่สำคัญและต้องใส่ใจ ส่วนเรื่องที่ไม่สำคัญก็ปล่อยๆ มันไป เพราะมันไม่นำไปสู่สัมฤทธิ์ผล พูดแบบภาษาฝรั่ง เขาเรียกว่า
     It lies in making the most of our time by focusing on the most important things, instead of everything.
     ลองนึกถึงหนังสือที่เราซื้อมา ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้อ่าน แต่ที่ซื้อมาแล้วหยิบมาอ่านบ่อยอ่านมาก มากถึงร้อยละ ๘๐ มาจากจำนวนหนังสือเพียงร้อยละ ๒๐ ที่ซื้อมา ของอย่างอื่นก็เหมือนกัน รองเท้า กระเป๋า นาฬิกา ลิปสติก เข็มขัด เน็คไท ปากกา ฯลฯ เพราะนี่มันเป็นกฎ ไม่เชื่อลองอ่านเพิ่มเติมได้

     

No comments:

Post a Comment