เลิกพูดถึงเรื่องการสร้างประชาธิปไตยแบบสากลกันได้เลย เพราะหัวใจของประชาธิปไตยก็คือการไม่รัฐประหารยึดอำนาจพรากอำนาจ 'อธิปไตย' ไปจากประชาชน ซึ่งตัวเราเองทุกคนต่างก็เป็นประชาชนคนหนึ่งนั่นเอง
การรัฐประหารยึดอำนาจก็คือการยึดอำนาจของประชาชน แล้วสถาปนาระบอบการปกครองของผู้ยึดอำนาจเองซึ่งมีได้หลายรูปแบบด้วยกัน ทั้งที่เป็นแบบคณะบุคคล (คณาธิปไตย/อภิชนาธิปไตย) หรือโดยคนๆ เดียว (ทรราชย์/ราชาธิปไตย) แต่ทั้งหมดก็ล้วนเป็นเผด็จการทั้งนั้น
ที่มาของภาพ
ส.ศิวรักษ์. (๒๕๔๓). แนวคิดทางปรัชญาการเมืองของอริสโตเติล. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ: ศยาม.
หากว่ายังรับได้หรือให้การสนับสนุนกับการรัฐประหารยึดอำนาจ ก็อย่ามาอ้างเรื่องศักดิ์ศรี สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และความยุติธรรมกันเลย เพราะท่านได้ยกของพวกนี้ไปให้คนที่ยึดอำนาจจากท่านไปเรียบร้อยแล้ว เขาจะทำอะไรมันก็เรื่องของเขา จะแก้กฏหมาย ล้มล้างรัฐธรรมนูญ เขียนกติกาอะไรใหม่ เรียกใครให้มารายงานตัว จำคุก กักขัง บังคับ จำกัดสิทธิเสรีภาพและการแสดงออกมันก็เรื่องของเขาไม่จำต้องปรึกษาท่านหรือตัวแทนของท่าน (ส.ส.) แต่อย่างใด
ในนามของสิ่งที่คณะรัฐประหารอ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะอ้างเพื่อความสงบเรียบร้อยและรักษาระเบียบทางสังคม (social order) เพื่อประโยชน์ของประเทศ เพื่อแผ่นดิน เพื่อคุณงามความดีหรือศีลธรรมส้นตีนหมาอะไรก็ตามเถอะ หรือเพื่อความมั่นคง เพื่อความผาสุกของคนทั้งหมด และเพื่ออะไรต่อมิอะไรอีกมากมายแล้วแต่จะอ้าง เขาเหล่านั้นจะทำสิ่งต่างๆ ให้เอง ไว้ใจเขา เชื่อมั่นเขา คาดหวังเอาได้จากเขา
ในระบอบแบบนี้ บอกได้เลยว่า ไม่ใช่ประชาธิปไตยหรือระบอบที่ประชาชนเป็นใหญ่ แต่เป็นระบอบที่ท่านสนับสนุนให้ทำลายศักดิ์ศรีและเสรีภาพของตัวท่านเอง
ท่านอาจจะชอบ เพราะมันดูรวดเร็วดี จัดการปัญหาอะไรต่างๆ ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ถูกกับจริตของตัวเองที่ชอบอะไรที่เป็น 'อัศวินขี่ม้าขาว' หรือเหมือนในหนังภาพยนตร์ที่มีพระเอกเข้ามาจัดการกับเหล่าร้าย แต่นั่นมันในหนัง ชีวิตจริงไม่มีใครเป็นผู้ร้ายได้ตลอดกาล และไม่มีใครเป็นพระเอกได้ตลอดไป เพราะมนุษย์เรามีดีมีชั่ว ชั่วๆ ดีๆ มีขาวมีดำในตัวคนคนเดียวกันนี้คละเคล้าปะปนกันไป อีกทั้งยังมีผลประโยชน์ของตัวเอง มีเพื่อนพ้องน้องพี่ของกลุ่มตัวเอง ขององค์กรตัวเอง ของสถาบันตัวเองที่ต้องรักษาและปกป้องกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่วงการทหาร หากศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองทั้งของโลกและของไทยท่านก็จะเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีทีเดียว
เพราะฉะนั้น อย่าได้หวังว่าในโลกแห่งความเป็นจริงจะมีอัศวินขี่ม้าขาวมาแก้ปัญหาให้กับโลก ไม่เชื่อก็ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกัน
หากรัฐประหารมันดีจริง ประเทศไทยคงไม่ต้องมีการรัฐประหารมากมายติดอันดับโลกหรอกครับ และปัญหาใหญ่ๆ ในประเทศนี้คงแก้ได้ไปนานแล้ว
แต่ที่ประเทศนี้ยังมีรัฐประหารอยู่ ก็เพราะมีวิธีคิดของคนจำนวนหนึ่ง (ผมเรียกว่าคนชั้นกลางระดับบนทั้งกรุงเทพฯ ในเมืองและต่างจังหวัด) ที่ยังคงให้การสนับสนุน ส่งเสริม ไม่เปลี่ยนแปลงในวิธีคิด ยอมรับ อำนาจของคนอื่น ยอมทน ยอมเสียศักดิ์ศรีของตัวเอง เพื่อหวังจะแก้ปัญหาให้กับประเทศนี้แบบมักง่าย เอาแต่ได้ ไม่สนใจวิธีการว่าจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องวัฒนธรรมที่ต้องแก้ไขและเรียนรู้กันไปซึ่งผมประเมินว่าอาจต้องใช้เวลานับทศวรรษ หรือชั่วรุ่นอายุคนกันเลยทีเดียว
ตราบใดที่วิธีคิดของท่านยังคงให้ท้ายหรือสนับสนุนให้ทหารรัฐประหารยึดอำนาจ ตราบนั้นประชาธิปไตยแบบที่สากลโลกยอมรับคงไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย และเราก็คงต้องเรียนรู้อะไร อะไรกันไปอีกนาน
No comments:
Post a Comment