ในหนังสือของชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์ เรื่อง
เชิงอรรถวัฒนธรรม ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 (2546) สำนักพิมพ์วิภาษา
มีการนำบทสัมภาษณ์ของชูศักดิ์ ที่ให้สัมภาษณ์ในนิตยสาร สารคดี
ตีพิมพ์เมื่อมีนาคม 2544 (ปีที่ 17 ฉบับที่ 193 มีนาคม 2544)
มาลงไว้ในส่วนท้ายของหนังสือเล่มนี้
เนื้อหาน่าสนใจ ผมเอาบางส่วนมาให้อ่านกัน ณ ที่นี้
ว่าด้วยสังคมไทยเป็นสังคมแบบไหน?
นิตยสาร สารคดี: แล้วในสังคมไทยทุกวันนี้จะเรียกว่าเป็นสังคมแบบไหน
ชูศักดิ์: มันเป็นสังคมที่มีหลายสภาพมาซ้อนทับกัน โยงใยกัน
ตัวฐานใหญ่คือ สภาพก่อนสมัยใหม่ หรือ พรีโมเดิร์น
ผมว่ามันยังเป็นฐานอยู่ เห็นได้จากแนวคิดอำนาจนิยม
หรือความเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ ซึ่งพบได้ตั้งแต่ชาวบ้านจนถึงนักธุรกิจพันล้าน
แล้วก็มีสภาพสมัยใหม่ พบมากหน่อยในหมุ่กระฎุมพีที่มีการศึกษา...
ส่วนสภาพหลังสมัยใหม่ก็ปรากฏให้เห็นเป็นหย่อมๆ (หน้า 190)
Saturday, July 14, 2018
Monday, July 9, 2018
ตัวอย่าง Coaching Question
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์
มีการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการโค้ช
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 ตั้งแต่เวลา 10.00 - 13.00 น.
ณ ห้องประชุมทุ่งไสไช สำนักงานวิทยาเขตสุราษฎร์ธานี
ลิงก์ต่อไปนี้ คือ ตัวอย่าง Coaching Question ที่น่าสนใจ
ดาวน์โหลดได้ ที่นี่
มีการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการโค้ช
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 ตั้งแต่เวลา 10.00 - 13.00 น.
ณ ห้องประชุมทุ่งไสไช สำนักงานวิทยาเขตสุราษฎร์ธานี
ลิงก์ต่อไปนี้ คือ ตัวอย่าง Coaching Question ที่น่าสนใจ
ดาวน์โหลดได้ ที่นี่
Sunday, July 8, 2018
Friday, July 6, 2018
Monday, July 2, 2018
ปัจจัยกำหนดขนาดรายจ่ายสาธารณะด้านการศึกษาของไทย
บทความวิจัยจากงานวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโท
เรื่อง
ปัจจัยกำหนดขนาดรายจ่ายสาธารณะด้านการศึกษาของไทย
ดาวน์โหลดได้ ที่นี่
Monday, June 25, 2018
Saturday, June 23, 2018
บทความวิจัยในชั้นเรียน
บทความวิจัยในชั้นเรียน เรื่อง
รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบเชิงรุก (Active Learning)
ในการยกระดับความรู้สู่ความเข้าใจการเมืองและประชาธิปไตยในเชิงเปรียบเทียบ
ดาวน์โหลด ที่นี่
Wednesday, April 4, 2018
แนะนำหนังสืออำนาจไร้พรมแดน (Power Unbound)
เพิ่งอ่านหนังสือออกใหม่ของ
ศาสตราจารย์ ดร.ไชยรัตน์ เจริญสินโอฬาร
ท่านเขียนไว้อย่างน่าสนใจ
จึงอยากจะเอาส่วนที่น่าสนใจลงให้อ่านกัน
เผื่อใครสนใจและมีเงินพอก็หาซื้อมาอ่านกันได้
หนังสือชื่อ 'อำนาจไร้พรมแดน' (Power Unbound)
สำนักพิมพ์วิภาษา (เนื้อหาคัดลอกมาจากหน้า 114-115)
......................
ในยุคของโทรศัพท์พื้นฐานหรือโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำหน้าที่เป็นมนต์สะกด
ให้เราต้องหยุดทำกิจกรรมทุกอย่างที่ทำอยู่
แล้วรีบไปรับโทรศัพท์
....................
ในยุคของโทรศัพท์มือถือรุ่นฉลาดในปัจจุบัน
เราไม่ต้องเดินอีกต่อไป แต่เราใช้การก้มหน้าแทน
ทุกวันนี้ เราถูกทำให้กลายเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ นั่นคือ
มนุษย์ก้มหน้า วันๆ เราไม่ทำอะไรมากไปกว่า
การก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
ไม่ว่าจะเป็นการดู facebook, twitter, line, email,
เล่นเกมออนไลน์อย่างโปเกมอนโก (Pokemon Go)
หรือท่องอินเทอร์เน็ตเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ
....................
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร จะกินอะไร จะรู้สึกอย่างไร
ต้องตั้งสถานะให้รู้กันบนโลกออนไลน์
ทุกวันนี้ มนุษย์มีลักษณะลุ่มหลงกับตัวเองสูง (narcissus)
นอกจากประกาศสถานะของตัวเองบนโลกออนไลน์แล้ว
ยังเฝ้านับจำนวน "ชอบ" สถานะของตัวเองว่ามีเท่าใด
..................
ความสุขหรือความทุกข์ขึ้นกับจำนวน like ที่มีการกด share กัน
จึงเป็นโลกที่มีความฉาบฉวยเพิ่มขึ้น แตกตื่นง่ายขึ้น (viral)
ท่ามกลางความสลับซับซ้อนของข้อมูลข่าวสาร
ที่ล้นเกินกว่าที่จะสามารถย่อยสลายได้ในเวลาสั้นๆ
บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
ศาสตราจารย์ ดร.ไชยรัตน์ เจริญสินโอฬาร
ท่านเขียนไว้อย่างน่าสนใจ
จึงอยากจะเอาส่วนที่น่าสนใจลงให้อ่านกัน
เผื่อใครสนใจและมีเงินพอก็หาซื้อมาอ่านกันได้
หนังสือชื่อ 'อำนาจไร้พรมแดน' (Power Unbound)
สำนักพิมพ์วิภาษา (เนื้อหาคัดลอกมาจากหน้า 114-115)
......................
ในยุคของโทรศัพท์พื้นฐานหรือโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำหน้าที่เป็นมนต์สะกด
ให้เราต้องหยุดทำกิจกรรมทุกอย่างที่ทำอยู่
แล้วรีบไปรับโทรศัพท์
....................
ในยุคของโทรศัพท์มือถือรุ่นฉลาดในปัจจุบัน
เราไม่ต้องเดินอีกต่อไป แต่เราใช้การก้มหน้าแทน
ทุกวันนี้ เราถูกทำให้กลายเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ นั่นคือ
มนุษย์ก้มหน้า วันๆ เราไม่ทำอะไรมากไปกว่า
การก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
ไม่ว่าจะเป็นการดู facebook, twitter, line, email,
เล่นเกมออนไลน์อย่างโปเกมอนโก (Pokemon Go)
หรือท่องอินเทอร์เน็ตเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ
....................
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร จะกินอะไร จะรู้สึกอย่างไร
ต้องตั้งสถานะให้รู้กันบนโลกออนไลน์
ทุกวันนี้ มนุษย์มีลักษณะลุ่มหลงกับตัวเองสูง (narcissus)
นอกจากประกาศสถานะของตัวเองบนโลกออนไลน์แล้ว
ยังเฝ้านับจำนวน "ชอบ" สถานะของตัวเองว่ามีเท่าใด
..................
ความสุขหรือความทุกข์ขึ้นกับจำนวน like ที่มีการกด share กัน
จึงเป็นโลกที่มีความฉาบฉวยเพิ่มขึ้น แตกตื่นง่ายขึ้น (viral)
ท่ามกลางความสลับซับซ้อนของข้อมูลข่าวสาร
ที่ล้นเกินกว่าที่จะสามารถย่อยสลายได้ในเวลาสั้นๆ
บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
เล่าเรื่องย่อประวัติศาสตร์สมัยพระนารายณ์
เล่าเรื่องย่อประวัติศาสตร์สมัยพระนารายณ์
-เรียบเรียงจาก ประวัติศาสตร์ไทยฉบับสังเขป เขียนโดย David K. Wyatt-
................
ก่อนสมัยพระนารายณ์มีกษัตริย์ 3 พระองค์ ได้แก่
(1) พระเจ้าปราสาททอง (2) เจ้าฟ้าไชย และ (3) พระศรีสุธรรมราชา
................
พระเจ้าปราสาททอง หมายถึง พระมหากษัตริย์แห่งพระราชวังที่เป็นทอง ทรงครองราชย์ 27 ปี หลังจากพระองค์สวรรคต (สิงหาคม พ.ศ.2199) ได้เกิดการชิงอำนาจ
..................
ระหว่าง พ.ศ. 2171-72 ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ก็ได้มีการแย่งกันขึ้นครองราชย์ที่กรุงศรีอยุธยา "เจ้าฟ้าไชย" พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระเจ้าปราสาททอง ทรงนำทหารถืออาวุธเข้ายึดราชบัลลังก์ และขึ้นครองราชย์ต่อจากพระเจ้าปราสาททอง
...................
ต่อจากนั้น พระอนุชาของเจ้าฟ้าไชยคือ เจ้าฟ้านารายณ์ ก็ยึดอำนาจและถอดเจ้าฟ้าไชยออกจากความเป็นกษัตริย์โดยสถาปนาพระอนุชาของพระเจ้าปราสาทอง คือ "พระศรีสุธรรมราชา" ขึ้นครองราชย์แทน
...................
แต่ในที่สุด แทบจะไม่ถึง 20 สัปดาห์ต่อมา เจ้าฟ้านารายณ์ซึ่งต่อมาคือสมเด็จพระนารายณ์ก็ได้ชิงราชสมบัติจากพระศรีสุธรรมราชาและสถาปนาพระองค์เองขึ้นเป็นกษัตริย์ในวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2199 ด้วยพระชนมายุได้ 25 พรรษา
..................
หมายเหตุ:
สมเด็จพระนารายณ์สวรรคตเมื่อ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2231
รวมปีรัชกาลได้ 32 ปี (หรือ 31 ปี 9 เดือน กับอีก 2 วัน)
....................................
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2231 พระนารายณ์ประชวรหนักใกล้สวรรคต ผู้มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ก็คือ พระอนุชา 2 พระองค์ คือ (1) เจ้าฟ้าอภัยทศ และ (2) เจ้าฟ้าน้อย และบุตรบุญธรรมอีกคนหนึ่ง คือ หม่อมปีย์ ส่วนพระเพทราชา ผู้ที่ได้ครองบัลลังก์จากการยึดอำนาจในเวลาต่อมานั้น มีความสัมพันธ์กับพระนารายณ์ในแง่ที่ว่า มารดาของพระองค์ได้เป็นแม่นมของพระนารายณ์ พระเพทราชากับพระนารายณ์ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกัน พระเพทราชานั้นมีกำเนิดมาจากบ้านนอก คือ หมู่บ้านพลูหลวงในเมืองสุพรรณบุรี พระเพทราชาแสดงตัวออกมาชัดเจนว่าเป็นผู้นำขุนนางที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอนสแตนติน ฟอนคอน (พ.ศ. 2190-2231) ผู้ที่พระนารายณ์โปรดปราน
....................................
พระเพทราชา และลูกชาย (หลวงสรศักดิ์ ต่อมาคือ 'พระเจ้าเสือ' เกิดจากหญิงที่พระนารายณ์ยกให้พระเพทราชาเมื่อครั้งกลับจากตีเมืองเชียงใหม่) สมคบกับขุนนางชั้นผู้นำเกลี้ยกล่อมพระนารายณ์ซึ่งกำลังประชวรใกล้สวรรคตให้ตั้งพระเพทราชาเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ครั้นได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนแล้ว พระเพทราชาจึงสังหารหม่อมปีย์บุตรบุญธรรมของพระนารายณ์ โดยอ้างว่าหม่อมปีย์เป็นผู้ทูลใส่ร้ายเจ้าฟ้าอภัยทศ และเจ้าฟ้าน้อยว่ามีส่วนพัวพันกับการกบฏของแขกมักสัน (พ.ศ.2229) ด้วยหวังจะได้ราชสมบัติ ต่อมาพระเพทราชาก็ได้จับกุมฟอลคอนในข้อหากบฏ และประหารชีวิตฟอลคอนทันทีในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2231 ตอน 4 ทุ่ม (เมื่อฟอลคอนถูกนำตัวไปประหารชีวิตนั้น เขามีอายุเพียง 40 ปี และได้รับตำแหน่งสมุหนายก เป็น 'ออกญาวิไชเยนทร์' ได้เพียง 7 เดือน)
....................................
เดือนต่อมาหลังจากที่พระนารายณ์สวรรคตในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2231
หลวงสรศักดิ์ ก็สังหารเจ้าฟ้าอภัยทศและเจ้าฟ้าน้อย ขณะที่พระเพทราชาได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระนารายณ์
....................................
นอกจากหลวงสรศักดิ์แล้ว พระเพทราชาทรงมีราชโอรสอีก 2 องค์ ที่ประสูติแต่พระมเหสีทั้งสอง คือ (1) 'เจ้าพระขวัญ' และ (2) 'ตรัสน้อย' (บุตรของพระราชธิดาของพระนารายณ์) เมื่อพระเพทราชาประชวรในต้นปี พ.ศ. 2246 หลวงสรศักดิ์ เกรงว่าโอรสทั้งสองอาจจะได้ครองราชย์ต่อจากกษัตริย์แทนตนเองจึงรีบจัดการฆ่าพระขวัญเสีย
...................................
พระเพทราชาพิโรธอย่างมาก และตรัสจากในพระแท่นก่อนที่จะสวรรคตว่า ทรงยกราชบัลลังก์ให้หลานของพระองค์นามว่า 'เจ้าฟ้าพิชัยสุรินทร์' ขึ้นครองราชย์ต่อ แต่เจ้าฟ้าพระองค์นี้ไม่กล้าพอที่จะรับ จึงยกบัลลังก์ให้หลวงสรศักดิ์ซึ่งขึ้นครองราชย์แทน ทรงพระนามว่า 'พระสุริเยนทราธิบดี' แต่เป็นที่รู้จักกันดีในนามของ "พระเจ้าเสือ" ซึ่งพระนามนี้สะท้อนความโหดร้ายและความกระหายเลือดที่ได้ทรงกระทำมาตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมาเพื่อจะได้ขึ้นครองราชย์...เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
-เรียบเรียงจาก ประวัติศาสตร์ไทยฉบับสังเขป เขียนโดย David K. Wyatt-
................
ก่อนสมัยพระนารายณ์มีกษัตริย์ 3 พระองค์ ได้แก่
(1) พระเจ้าปราสาททอง (2) เจ้าฟ้าไชย และ (3) พระศรีสุธรรมราชา
................
พระเจ้าปราสาททอง หมายถึง พระมหากษัตริย์แห่งพระราชวังที่เป็นทอง ทรงครองราชย์ 27 ปี หลังจากพระองค์สวรรคต (สิงหาคม พ.ศ.2199) ได้เกิดการชิงอำนาจ
..................
ระหว่าง พ.ศ. 2171-72 ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ก็ได้มีการแย่งกันขึ้นครองราชย์ที่กรุงศรีอยุธยา "เจ้าฟ้าไชย" พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระเจ้าปราสาททอง ทรงนำทหารถืออาวุธเข้ายึดราชบัลลังก์ และขึ้นครองราชย์ต่อจากพระเจ้าปราสาททอง
...................
ต่อจากนั้น พระอนุชาของเจ้าฟ้าไชยคือ เจ้าฟ้านารายณ์ ก็ยึดอำนาจและถอดเจ้าฟ้าไชยออกจากความเป็นกษัตริย์โดยสถาปนาพระอนุชาของพระเจ้าปราสาทอง คือ "พระศรีสุธรรมราชา" ขึ้นครองราชย์แทน
...................
แต่ในที่สุด แทบจะไม่ถึง 20 สัปดาห์ต่อมา เจ้าฟ้านารายณ์ซึ่งต่อมาคือสมเด็จพระนารายณ์ก็ได้ชิงราชสมบัติจากพระศรีสุธรรมราชาและสถาปนาพระองค์เองขึ้นเป็นกษัตริย์ในวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2199 ด้วยพระชนมายุได้ 25 พรรษา
..................
หมายเหตุ:
สมเด็จพระนารายณ์สวรรคตเมื่อ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2231
รวมปีรัชกาลได้ 32 ปี (หรือ 31 ปี 9 เดือน กับอีก 2 วัน)
....................................
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2231 พระนารายณ์ประชวรหนักใกล้สวรรคต ผู้มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ก็คือ พระอนุชา 2 พระองค์ คือ (1) เจ้าฟ้าอภัยทศ และ (2) เจ้าฟ้าน้อย และบุตรบุญธรรมอีกคนหนึ่ง คือ หม่อมปีย์ ส่วนพระเพทราชา ผู้ที่ได้ครองบัลลังก์จากการยึดอำนาจในเวลาต่อมานั้น มีความสัมพันธ์กับพระนารายณ์ในแง่ที่ว่า มารดาของพระองค์ได้เป็นแม่นมของพระนารายณ์ พระเพทราชากับพระนารายณ์ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกัน พระเพทราชานั้นมีกำเนิดมาจากบ้านนอก คือ หมู่บ้านพลูหลวงในเมืองสุพรรณบุรี พระเพทราชาแสดงตัวออกมาชัดเจนว่าเป็นผู้นำขุนนางที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอนสแตนติน ฟอนคอน (พ.ศ. 2190-2231) ผู้ที่พระนารายณ์โปรดปราน
....................................
พระเพทราชา และลูกชาย (หลวงสรศักดิ์ ต่อมาคือ 'พระเจ้าเสือ' เกิดจากหญิงที่พระนารายณ์ยกให้พระเพทราชาเมื่อครั้งกลับจากตีเมืองเชียงใหม่) สมคบกับขุนนางชั้นผู้นำเกลี้ยกล่อมพระนารายณ์ซึ่งกำลังประชวรใกล้สวรรคตให้ตั้งพระเพทราชาเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ครั้นได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนแล้ว พระเพทราชาจึงสังหารหม่อมปีย์บุตรบุญธรรมของพระนารายณ์ โดยอ้างว่าหม่อมปีย์เป็นผู้ทูลใส่ร้ายเจ้าฟ้าอภัยทศ และเจ้าฟ้าน้อยว่ามีส่วนพัวพันกับการกบฏของแขกมักสัน (พ.ศ.2229) ด้วยหวังจะได้ราชสมบัติ ต่อมาพระเพทราชาก็ได้จับกุมฟอลคอนในข้อหากบฏ และประหารชีวิตฟอลคอนทันทีในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2231 ตอน 4 ทุ่ม (เมื่อฟอลคอนถูกนำตัวไปประหารชีวิตนั้น เขามีอายุเพียง 40 ปี และได้รับตำแหน่งสมุหนายก เป็น 'ออกญาวิไชเยนทร์' ได้เพียง 7 เดือน)
....................................
เดือนต่อมาหลังจากที่พระนารายณ์สวรรคตในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2231
หลวงสรศักดิ์ ก็สังหารเจ้าฟ้าอภัยทศและเจ้าฟ้าน้อย ขณะที่พระเพทราชาได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระนารายณ์
....................................
นอกจากหลวงสรศักดิ์แล้ว พระเพทราชาทรงมีราชโอรสอีก 2 องค์ ที่ประสูติแต่พระมเหสีทั้งสอง คือ (1) 'เจ้าพระขวัญ' และ (2) 'ตรัสน้อย' (บุตรของพระราชธิดาของพระนารายณ์) เมื่อพระเพทราชาประชวรในต้นปี พ.ศ. 2246 หลวงสรศักดิ์ เกรงว่าโอรสทั้งสองอาจจะได้ครองราชย์ต่อจากกษัตริย์แทนตนเองจึงรีบจัดการฆ่าพระขวัญเสีย
...................................
พระเพทราชาพิโรธอย่างมาก และตรัสจากในพระแท่นก่อนที่จะสวรรคตว่า ทรงยกราชบัลลังก์ให้หลานของพระองค์นามว่า 'เจ้าฟ้าพิชัยสุรินทร์' ขึ้นครองราชย์ต่อ แต่เจ้าฟ้าพระองค์นี้ไม่กล้าพอที่จะรับ จึงยกบัลลังก์ให้หลวงสรศักดิ์ซึ่งขึ้นครองราชย์แทน ทรงพระนามว่า 'พระสุริเยนทราธิบดี' แต่เป็นที่รู้จักกันดีในนามของ "พระเจ้าเสือ" ซึ่งพระนามนี้สะท้อนความโหดร้ายและความกระหายเลือดที่ได้ทรงกระทำมาตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมาเพื่อจะได้ขึ้นครองราชย์...เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
Subscribe to:
Posts (Atom)